หลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้าง ควรดูแลตัวเองอย่างไร โบท็อกจึงจะอยู่ได้นาน
การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงมานานนับสิบปี เพราะว่าเป็นวิธีการสลายกล้ามเนื้อและลดเลือนริ้วรอยที่เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังปลอดภัยและมีค่าใช้จ่ายไม่สูงเหมือนการผ่าตัด อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นหัตถการเล็กๆที่ดูแลตัวเองได้ไม่ยาก แต่ถ้าอยากให้การฉีดโบท็อกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องใส่ใจตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน แล้วหลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้างและควรดูแลตัวเองอย่างไร โบท็อกจึงจะอยู่ได้นาน
หลังฉีดโบท็อก ห้ามกินอะไรบ้าง
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท
- อาหารที่ต้องทานอยู่หน้าเตาหรือกระทะร้อนๆ เช่น หมูกระทะ ชาบูฯลฯ
- อาหารหมักดอง เช่น ผลไม้ดอง ปลาร้า ปูดอง หน่อไม้ดองฯลฯ
- อาหารรสเผ็ดจัด
อาหารเหล่านี้ควรงดทานอย่างน้อย 14 วันหลังฉีด แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ต้องงดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพราะอาหารบางชนิดทำให้เส้นเลือดขยายตัว โบท็อกที่ฉีดเข้าไปจะสลายได้เร็วขึ้นได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียวและแข็งจนเคี้ยวยากเกินไปด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อฉีดครบ 14 วันไปแล้วการทานอาหารเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของโบท็อกมากนัก
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
การฉีดโบท็อกจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกและการดูแลตัวเอง เพราะหากดูแลตัวเองดีก็จะช่วยยืดอายุของโบท็อกได้ แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไรดี โบท็อกจึงจะสลายตัวช้าที่สุด
- บริหารกล้ามเนื้อทันทีหลังฉีด เมื่อฉีดเสร็จให้บริการกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดโบท็อกทันที โดยปฏิบัติอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อให้โบท็อกถูกดูดซึมเข้าไปจนหมด งดประคบเย็นหลังฉีดเพราะความเย็นจะทำให้หลอดเลือดหดตัว เลือดไหลเวียนช้าลง ทำให้โบท็อกถูกขัดขวางการดูดซึมนั่นเอง (การประคบเย็นจะทำในขณะฉีด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและใช้บล็อกโบท็อกเพื่อให้ฉีดได้อย่างแม่นยำ)
- งดนวดผิวบริเวณที่ฉีดโบท็อก งดกด บีบ ถูฯลฯ เพราะโบท็อกอาจจะกระจายตัวไปออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อบริเวณที่ไม่ต้องการได้ แต่ว่าสามารถล้างหน้า ทาครีมหรือแต่งหน้าได้ตามปกติ (งดแต่งหน้าเพียงแค่ 24 ชั่วโมงหลังฉีด)
- งดนอนราบ นอนตะแคงหรือก้มศีรษะระดับต่ำกว่าหัวใจ อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลังฉีดโบท็อกกราม การเคี้ยวหมากฝรั่งทันทีอย่างน้อย 30 นาทีจะช่วยให้โบท็อกกระจายตัวได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
- ทาน Zinc 50 mg. ทั้งก่อนและหลังฉีดโบท็อก จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ทั้งนี้ไม่ควรทานมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้มีผลข้างเคียงอื่นๆได้ เพราะฉะนั้นการทาน Zinc แพทย์จะเป็นผู้แนะนำ โดยอาจจะแนะนำในผู้ที่มีอาการขาด Zinc อย่างชัดเจนหรือผู้ที่มีปัญหาดื้อโบท็อก
- ไม่ฉีดโบท็อกถี่เกินไป ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือน เพราะจะทำให้ดื้อโบท็อกได้ แต่ก็ไม่ควรเว้นเกิน 6 เดือน เนื่องจากกล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานตามปกตินั่นเอง
- เลี่ยงแดดจัดและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ นอกจากแดดแล้วต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับความร้อนสูงอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เช่น ซาวน่า เลเซอร์หรือทรีทเมนท์ร้อน การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น การอบไอน้ำฯลฯ เพราะกิจกรรมเหล่านี้มีผลต่ออายุการสลายตัวของโบท็อกมาก
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะสามารถทำให้โบท็อกสลายตัวเร็วกว่ากำหนดได้เช่นเดียวกัน
- งดออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด
- ไปพบแพทย์ตามกำหนด เมื่อต้องติดตามผล
- หลังฉีดโบท็อกครบ 14 วันและปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมตามคำแนะนำที่แจ้งไปข้างต้น จะได้รับผลจากโบท็อกได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่ควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่องคือพยายามหลีกเลี่ยงความร้อนสูง ทานอาหารที่มี Zinc เป็นประจำ(หากร่างกายไม่ขาด Zinc ก็ไม่ต้องอาหารเสริม แค่รับจากอาหารตามปกติก็เพียงพอ) และพยายามขยับกล้ามเนื้อในจุดที่ฉีดโบท็อกให้น้อยลง
อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดโบท็อก
อาจจะรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด ผิวมีรอยช้ำ รอยนูนหรือรอยแดงเล็กน้อยจากเข็ม นี่เป็นอาการปกติที่จะหายได้เองในเวลาไม่นาน นอกจากนี้บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ คอแห้ง ตาพร่า แต่ก็จะหายเป็นปกติใน 7-14 วัน แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวดมาก ผิวบวมแดงมากผิดปกติ อาจเป็นผลมาจากการฉีดโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน มีโอกาสติดเชื้อ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
สรุป หลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้าง
สำหรับใครที่เพิ่งฉีดโบท็อกมาแล้วสงสัยว่าหลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้างก็ศึกษาจากข้อมูลข้างต้นกันได้เลย แล้วยังมีแนวทางการดูแลตัวเองเบื้องต้นหลังฉีดอีกด้วย ทั้งนี้เมื่อฉีดโบท็อกแล้วแพทย์ก็จะมีการแนะนำถึงวิธีการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเช่นเดียวกัน สำหรับใครที่ไม่ไม่มั่นใจก็สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคลินิกเสริมความงามที่ไปใช้บริการกันมาได้ หากมีนัดติดตามผลก็อย่าลืมไปตามนัดกันด้วย หากปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างครบถ้วนและไปตามนัดอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าฉีดแล้วปลอดภัย ผลลัพธ์สวยงามดังใจต้องการอย่างแน่นอน
