สิวที่คาง คืออะไร ? เกิดจากอะไร ? วิธีรักษาสิวที่คางให้หายขาด ไม่ขึ้นซ้ำ
สิวทั่วไปเกิดจากอะไร
1. เกิดจากต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป (Sebum production) ทำให้เชื้อแบคทีเรียจากสิ่งสกปรกเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังผลัดเซลล์ผิวออกมามากกว่าปกติ เป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดสิวและรูขุมขนอุดตัน
2. เซลล์ในรูขุมขนทำงานผิดมากเกินไป (Follicular epidermal hyperproliferation) โดยปกติแล้วร่างกายจะทำการผลัดเซลล์ผิวหนังโดยการผลัดออกไปเป็นขี้ไคลตามปกติ แต่ถ้าหากเซลล์ที่ถูกผลักออกมีปริมาณมากจนเกินไปจะทำให้เกิดการเกาะตัวและอุดตันภายในรูขุมขน เมื่อเซลล์ที่ผลัดเกาะตัวรวมกับเคราติน เชื้อแบคทีเรีย และน้ำมัน จะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดเป็นสิวอุดตัน และสิวอักเสบได้
3. การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน (Inflammation and immune response)เมื่อเชื้อแบคทีเรียได้เข้าสู่ชั้นผิวหน้า ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดการอักเสบขึ้นจนเกิดเป็นสิวอักเสบและยังทำให้เกิดเป็นการอุดตันมากขึ้นด้วย
สิวที่คาง คืออะไร
สิวที่คาง คือ สิวที่เกิดขึ้นบริเวณคางจัดอยู่ในกลุ่มโรคผิวหนัง ที่เรียกว่าโรคสิว (Acne Vulgaris) รวมไปถึงสิวใต้ค้างและที่อยู่บริเวณกรอบหน้า และบริเวณกาม เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุจากรายงานวิจัยส่วนใหญ่ระบุว่าสิว บริเวณคางที่เห่อขึ้นอย่างหนักนั้นเกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมนไม่คงที่เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่ทำงานผิดปกติหรือสาเหตุอื่นที่ทำให้ฮอร์โมนเกิดความผิดปกติเปลี่ยนแปลงก็ได้ หรืออาจจะเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง จากการติดเชื้อแบคทีเรียที่รูขุมขนและต่อมไขมัน ทำให้เกิดตุ่มนูนบนผิวหนังรวมถึงการทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน ก่อให้เกิดการอักเสบและเกิดการเป็นสิวอักเสบตามมา
สิวที่คางที่เกิดขึ้นจากฮอร์โมน จัดอยู่ในกลุ่มฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) ในเลือดสูงมากกว่าปกติ ทำให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ก่อให้เกิดติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายขึ้นและเกิดการอักเสบของสิว อีกทั้งยังเข้าไปกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวให้มากกว่าปกติ จนทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันและส่งผลทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริเวณคาง หน้าผากและจมูก บริเวณดังกล่าวมีต่อมไขมันที่ทำงานมากกว่าผิวหนังบริเวณอื่นเมื่อถูกกระตุ้นฮอร์โมน จึงทำให้ต่อมไขมันเกิดการเสียสมดุลในการผลิตน้ำมันและทำให้เกิดสิวมากกว่าบริเวณอื่นๆ
สิวที่คางเกิดจากอะไร
สิวที่คางเกิดจากสิ่งที่เข้าไปกระตุ้น ทำให้เกิดปัจจัยหลักๆของการเกิดสิว มีด้วยกัน 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ ฮอร์โมน และ สิ่งสกปรก ตามเรา Topstarclinic ไปอ่านกันได้เลย
1. ฮอร์โมน
เป็นสาเหตุหลักของหลายๆคนที่ทำให้เกิดสิวบริเวณคาง เกิดจากการทำงานผิดปกติของฮอร์โมนในกลุ่มแอนโดรเจน (Androgens) ส่งผลทำให้เซลล์ในต่อมไขมันทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้ต่อมไขมันดังกล่าวผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ จนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและ ทำให้เกิดสิวที่บริเวณคางและบริเวณกรอบหน้า ยิ่งผู้หญิงช่วงใกล้มีประจำเดือนจะเป็นช่วงที่ทำให้ผลิตฮอร์โมนต่างๆ ออกมามาก ส่งผลให้ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นสิวที่คาง หรือบริเวณหน้าผากและจมูกก่อนการเป็นประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่มีระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนมากกว่าปกติ
ฮอร์โมน LH (Luteinizing hormone) ไปการกระตุ้นการสร้างระดับฮอร์โมนในกลุ่ม แอนโดรเจน (Androgens) เป็นตัวเข้าไปกระตุ้นช่วยทำให้ไข่ตกจากรังไข่ในช่วงวันที่ 14 ของรอบเดือน หรือ 1 วันก่อนไข่ตก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ฮอร์โมนในกลุ่ม แอนโดรเจน (Androgens) จึงจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนการมีประจำเดือน ส่งผลให้ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีสิวก่อนการมีประจำเดือน ส่วนผู้ชายจะมีฮอร์โมนในกลุ่ม แอนโดรเจน (Androgens) จะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติในช่วงวัยรุ่น
นอกจากนี้ระดับ ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) ยังสามารถเพิ่มขึ้นได้จากปัจจัยอื่นๆที่เข้าไปกระตุ้นได้อีก เช่น
– การสูบบุหรี่
– เป็นโรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ เช่นต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ
– ทานอาหารที่มีทำมาจากนมเพราะจะเป็นการเข้าไปกระตุ้นในการผลิตฮอร์โมนให้มากกว่าเดิม รวมถึงอาหารที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
– การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
– การเกิดความเครียดสะสม
– การทานยาบางชนิดที่มีผลต่อระดับฮอร์โมน เช่นยาคุม หรือยาที่ช่วยในเรื่องปรับระดับฮอร์โมน
2. สิ่งสกปรก
เนื่องจากบริเวณคางเป็นบริเวณที่สกปรกได้ง่ายจึงก่อให้เกิดสิวง่ายกว่าบริเวณอื่น เรามักจะใช้มือที่สกปรกสัมผัสบริเวณใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเท้าคาง การทานอาหาร หรืออื่นๆในการใช้ชีวิตประจำวัน ก็อาจจะเป็นการเพิ่มเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกให้สะสมอยู่บนใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดการอักเสบและการระคายเคืองของผิวหน้า สามารถทำให้ก่อเกิดเป็นสิวอุดตันได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ปัจจุบันบริเวณคางยังต้องสัมผัสหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการเสียดสีบริเวณผิวหน้าและเกิดเหงื่อภายใต้หน้ากากอนามัย เกิดการอับชื้นภายในหน้ากากอนามัย ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและก่อให้เกิดสิวบริเวณคางและกรอบหน้าได้
นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาแล้ว สิวที่เกิดขึ้นบริเวณคางยังมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นๆได้อีกเช่นพันธุกรรมหรือการแพ้สารเคมีต่างๆทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวหน้าและการระคายเคือง
ตำแหน่งสิวบริเวณคาง
สิวบริเวณคาง เป็นบริเวณที่เกิดสิวได้ง่ายเพราะบริเวณดังกล่าวมีต่อมไขมันมาก คางอยู่ในตำแหน่ง T-Zone เป็นตำแหน่งที่มักเกิดสิวง่าย สิวบริเวณข้างสามารถเกิดขึ้นได้หลายประเภท ได้แก่
สิวอุดตันที่คาง สิวอุดตัน (Comedones) ที่สามารถเกิดขึ้นและพบได้บ่อย เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนของสิ่งสกปรกและการที่ฮอร์โมนโดนกระตุ้น ก่อให้เกิดสิว มีด้วยกัน 2 ชนิดได้แก่ สิวอุดตันแบบหัวปิด (Closed comedone) หรือที่เรียกว่าสิวหัวขาว (Whitehead) และสิวอุดตันแบบหัวเปิด (Open comedone) หรือที่เรียกว่าสิวหัวดำ (Blackhead) ระดับความรุนแรงยังไม่มากนักยังไม่ถึงขั้นเป็นสิวอักเสบมีลักษณะเป็นตุ่มนูน ผิวขระขระไม่เรียบเนียน สามารถพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้หากมีการติดเชื้อหรือถูกกระตุ้น
สิวที่บริเวณคางไม่มีหัว มีลักษณะคือเป็นตุ่มนูนแดง มีทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ไม่มีหัวสิวให้เห็น อุดตันอยู่ภายในชั้นลึกของผิวหนัง อาจเป็นได้ทั้ง สิวหัวขาว สิวหัวช้าง สิวไต หรือสิวตุ่มนูน
สิวอักเสบบริเวณคาง สามารถเกิดได้หลายสาเหตุอาจเกิดจากการพัฒนาของสิวอุดตันที่ใหญ่ขึ้นจนอาจทำผนังรูขุมขนแยกทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังบริเวณดังกล่าวได้ง่าย และอาจเกิดจากการอักเสบโดยเชื้อแบคทีเรียก็ได้เช่นกัน สิวอักเสบจะมี 4 ประเภทได้แก่ สิวตุ่มนูน สิวหัวหนอง สิวไต สิวอักเสบรุนแรงหรือเรียกว่าสิวหัวช้าง
ปัญหาผิวหนังบริเวณคาง
นอกจากสิวที่เกิดขึ้นบริเวณคางแล้วยังมีอีกสาเหตุคือโรคผิวหนัง โดยโรคผวหนังหลายๆอย่างที่ไม่ใช่สิวแต่โรคเหล่านั้นอาจมีตุ่มนูนคล้ายสิว จนเกิดการทำให้เข้าใจผิดได้ง่าย และทำให้ได้รับการรักษาผิดวิธี ซึ่งนอกจากสิวที่เกิดขึ้นบริเวณคางแล้วก็ยังมีโรคผิวหนังอีกดังนี้
สิวผดที่คาง
สิวผด(Acne aestivalis) เกิดจากการกระตุ้นโดยรังสีUVA ที่มาจากแสงแดดหรือเชื้อราโดยมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆคล้ายสิวหัวปิดหรือสิวตุ่มแดง ทำให้เกิดการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสิวไม่มีหัว ทำให้ได้รักการรักษาแบบผิดวิธี สิวผดไม่สามารถรักษาได้ด้วยการบีบสิว สิวผดเกิดมากขึ้นในช่วงที่มีอากาศร้อน และมลภาวะที่สกปรก หากไม่มีอะไรไปกระตุ้นก็จะสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยารักษา
สิวเสี้ยนบริเวณคาง
สิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa) เป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เกิดจากความผิดปกติของการสร้างขนในรูขุมขน โดยปกติรูขุมขนหนึ่งรูควรมีขนประมาณ 1-4 เส้นแต่รูขุมขนที่เป็นสิวเสี้ยนจะมีเส้นขนอยู่ในรูประมาณ 5-25 เส้น ภายในรูขุมขนเดียวเส้นขนที่ขึ้นมาเป็นจำนวนมากจะมีขนาดเล็ก เหมือนกับเสี้ยนสีดำเล็กๆที่โผล่พ้นออกมาจากบริเวณผิวหนังเล็กน้อย ดูคล้ายสิวหัวดำทำให้หลายคนเกิดความเข้าใจผิดและรักษาอย่างผิดวิธี
ขนคุดบริเวณคาง
สามารถพบเห็นได้บ่อยในผู้ชาย มักจะเกิดจากการโกนหนวดโกนย้อนแนวเส้นขนแบบที่ผิดวิธีหรืออาจจะใช้มีดโกนหนวดที่ไม่คม ส่วนมากพบในคนที่มีลักษณะขนหยิกมากกว่าคนที่มีลักษณะเป็นเส้นตรง
รูขุมขนอักเสบบริเวณคาง
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา มีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหัวหนองคล้ายกับสิวหนองเม็ดเล็ก แต่จะมีขนขึ้นอยู่ตรงกลางตุ่มไม่สามารถรักษาได้ด้วยการกดสิวออก
ผิวหนังอักเสบบริเวณคาง
ลักษณะจะคล้ายผดผื่น หรือเป็นตุ่มแดงๆเหมือนสิว เกิดจากการอักเสบจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย มีลักษณะคล้ายกับรูขุมขนอักเสบ แต่ผิวหนังอักเสบตัวนี้จะส่งผลทำให้สามารถแพร่เชื้อได้บริเวณกว้าง
ทำไมสิวชอบขึ้นที่คางซ้ำ ๆ
การที่สิวเกิดขึ้นบริเวณคางซ้ำๆ หรือทิ้งจุดด่างดำไว้ อาจจะเกิดจากการรักษาแบบไม่ถูกวิธี ดูแลรักษาไม่ต่อเนื่อง หรือแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด สามารถรักษาได้หลายวิธี มีทั้งการผลัดเซลล์ผิวเพื่อช่วยลดความมัน ปรับสมดุลให้การกับทำงานของต่อมผลิตไขมัน ผลิตน้ำมันได้อย่างสมดุล ลดการระคายเคืองของผิวโดยวิธีการรักษามีดังนี้
ยาทารักษาภายนอก
เป็นยาพื้นฐานที่ปกติใช้รักษาทั่วไป สามารถใช้ได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ ยาทาที่นิยมใช้ในปัจจุบันเป็นหลักจะมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่
– Benzoyl peroxide จะเป็นยาที่ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
– Retinoids เป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ ช่วยลดการอุดตันและการอักเสบของรูขุมขน
สามารถเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ร่วมกันได้ เนื่องจากประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์รักษาไม่เหมือนกัน แต่หากจะใช้ยาร่วมกันควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชก่อน เพราะตัวยาบางตัวไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ กรณีที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงอาจจะใช้ยาปฏิชีวนะทาเพิ่ม ยาที่กำลังเป็นที่นิยมด้านการรักษาสิวรุนแรงมีด้วยกันสามตัวคือ Azelaic acid , Salicylic acid , ยาปฏิชีวนะชนิดทา
ยาสำหรับใช้ทาน
ส่วนใหญ่นำมาใช้ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบที่ขึ้นบริเวณคางและกรอบหน้าเป็นจำนวนมาก หรือเป็นสิวอักเสบอย่างรุนแรง เพราะยาจะออกฤทธิ์กับร่างกายโดยตรง ใหผลลัพธ์ได้ดีมากกว่ายาทา ยาสำหรับทานจึงรักษาสิวอักเสบได้ดีกว่า แต่ก็มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายกว่า แพทย์จึงจำกัดการใช้เฉพาะให้กับผู้ที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงและผู้ที่เกิดผลข้างเคียงได้น้อย สำหรับยาทานที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
– ยา Isotretinoin ที่ช่วยในการยับยั้งการทำงานผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน ช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ลดการอักเสบของสิว
– ยาปฏิชีวนะและยาต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibiotics and antibacterial agents) ช่วยในการต่อต้านและยับยั้งการทำงานของเชื้อแบคทีเรีย
ยาปรับฮอร์โมน
เป็นยาที่ใช้สำหรับควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกายของกลุ่มแอนโดนเจน (Androgen) ซึ่งเป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดสิว สามารถใช้ได้กับผู้หญิงเท่านั้น เพราะหากใช้ในผู้ชายอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเพศบนร่างกายของผู้ชายได้ ผู้ใช้ควรปรึกษาและอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเภสัชกรทุกครั้งเพื่อไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
รักษาด้วยหัตถการ
ในปัจจุบันเป็นทางเลือกที่ส่วนใหญ่มักทำควบคู่กับการใช้ยา ทำให้สิวหายเร็วขึ้น เช่น การกดสิวเพื่อนำเอาหัวสิวอุดตันออกมาจากรูขุมขน การเจาะสิวหัวหนองเพื่อเอาหนองใต้ผิวหนังออก การฉีดยาเข้าที่สิวโดยตรง หรือการทำเลเซอร์ต่างๆ หากสนใจรักษาด้วยวิธีนี้สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญได้ บางครั้งหากรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเท่าที่ควรแพทย์จะเป็นคนแนะนำหัตถการต่างๆเข้ามาร่วมช่วยในการรักษา เช่น
– การฉีดเมโสหน้าใส เน้นช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการลดสิวและผื่นคัน ขับสารพิษที่ตกค้างในผิว ช่วยทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น และลดการอักเสบของผิว หลังทำจะเห็นผลว่ามีผิวหน้ามีสุขภาพที่ดีขึ้น ภายใน 3 วัน จะเห็นผลลัพธ์ว่าสิวและผดผื่นต่างๆลดลงสุขภาพผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
– การทำเลเซอร์ เป็นการใช้แสงเลเซอร์เจาะบริเวณชั้นผิว ทำให้ดันสิวอุดตันออกมาได้ง่าย สามารถเลเซอร์ลบรอยดำและรอยแดงให้ดูจางลง ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสควบคู่กันไปด้วยได้ เป็นขั้นตอนการทำงานง่ายและเร็วกว่าการกดสิวด้วยวิธีธรรมดา
– การฉีดสิว เป็นการฉีดยาสเตียรอยด์ (Steroid) เข้าไปในตำแหน่งที่เป็นสิว ช่วยทำให้สิวยุบเร็วกว่าการทายาตามปกติ ลดการอักเสบของสิว ลดความเสี่ยงจากการเป็นแผล หรือหลุมสิว เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบบวมแดงเป็นหนอง
ก่อนการรักษาควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินปัญหาสภาพผิวและวางแผนในการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาและสภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคล รวมถึงระดับความรุนแรงของสิว บางรายอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
ปรึกษาแพทย์
เป็นอย่างแรกที่ควรแนะนำคือการเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การที่สิวเกิดขึ้นบริเวณเดิมมักเกิดจากการกระตุ้นจากปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลให้เกิดสิวได้ เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดการกระตุ้นที่เป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดสิว จำเป็นจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังเพื่อใหได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีพร้อมทั้งป้องกันการเกิดขึ้นใหม่ของสิวได้อีกด้วย
การป้องกันสิวไม่ให้เกิดขึ้นที่คางซ้ำๆ
โดยส่วนใหญ่สิวบริเวณคางมักเกิดขึ้นจากการที่ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นควรป้องกันไม่ให้ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ ร่วมด้วยกับการรักษาทำความสะอาดบริเวณผิวหน้า เพื่อช่วยลดอัตราการอุดตันและทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปตามปกติอย่างสมดุล วิธีการป้องกันสิวที่คางเบื้องต้น มีดังนี้
– ทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เพื่อไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองกับผิวหน้า ควรทำความสะอาดวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อไม่ให้เป็นการกระตุ้นต่อมไขมันในการผลิตน้ำมัน และส่งผลต่อการผลัดเซลล์ผิวจนทำให้เกิดสิวอุดตัน
– การใช้ครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น โดยลดโอกาสทำห้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคืองที่เป็นอีกสาเหตุของการก่อให้เกิดสิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และช่วยลดการระคายเคือง
– เช็ดเครื่องสำอางบริเวณบนใบหน้าให้สะอาด ไม่ให้มีสิ่งสกปรกและสารตกค้าง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนก่อนการทำความสะอาดใบหน้า เพื่อลดการตกค้างของสิงสกปรกและเครื่องสำอางที่จะเข้าไปอุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิว
– ปรับพฤติกรรมการในใช้ชีวิต ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงโดยเฉพาะอาหารที่ทำมาจากนมวัว เพราะจะเป็นการเข้าไปกระตุ้นในการผลิตฮอร์โมนให้มากกว่าเดิม ควรทานผักและผลไม้ที่มีส่วนช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานปกติ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และผ่อนคลายความเครียด
สรุป สิวที่คาง เกิดจากอะไร
ปัญหาเกี่ยวกับสิวเป็นปัญหาที่ก่อกวนใจของวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากจะทำให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหน้าแล้ว สิวบางประเภทยังก่อให้เกิดการเจ็บปวดและหายยากอีกด้วย บางรายอาจทำให้เกิดการประทบต่อชีวิตประจำวันได้ แต่หากเข้าใจในกระบวนการของการเกิดสิวและรู้จักวิธีป้องกัน โดยการทำความสะอาดผิวหน้าและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้า ยังสามารถช่วยลดสิ่งสกปรกบนใบหน้าที่เป็นสาเหตุของการก่อให้เกิดสิว สามารถวางแผนการรักษาสิวเบื้องต้นโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษาที่คลินิกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และควรปรับเปลี่ยนวิธีการกินที่หลายๆคนมองข้าม เพราะนอกจากจะมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้เป็นปกติอีกด้วย